ประเภทของกระจกและคุณสมบัติ

กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass)

กระจกเทมเปอร์ คือกระจกนิรภัยที่ผลิตมาจากกระจก Float ที่นำมาให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 650 – 700 องศาเศลเซียส และทำให้กระจกเย็นลงโดยการเป่าลมเย็นเข้ากระจกทั้งสองด้าน จากความแตกต่างของอุณหภูมิด้านในและด้านนอกของกระจก จะทำให้กระจกสามารถรับแรงต้านจากภายนอกได้มากกว่าถึง 10 เท่า และยังสามารถดัดได้มากกว่าถึง 3 เท่า โดยกระจกเทมเปอร์มีคุณสมบัติดังนี้

• สามารถรับแรงที่มากระทบซึ่งเกิดจากการกระแทกของมนุษย์ แรงดันจากลม หรือแรงดันจากน้ำ

• สามารถทนรับแรงกระทบได้มากกว่ากระจกธรรมดาในความหนาเดียวกัน 3 – 5 เท่า และเนื่องจากเมื่อกระจกเทมเปอร์แตก จะกลายเป็นเม็ดละเอียดเหมือนเม็ดข้าวโพด จึงสามารถลดอันตรายจากกระจกบาดได้

• ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้ดี

จากคุณสมบัติของกระจกเทมเปอร์ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้กระจกเทมเปอร์นิยมนำมาใช้ในอาคารต่างๆ ตั้งแต่ภายนอกจนถึงภานในอาคาร เช่น ใช้เป็นหน้าต่าง หรือผนังกระจกของอาคารในบริเวณที่ต้องเจอกับความร้อนสูง ใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่นชั้นวางของ ชั้นโชว์สินค้า โดยเฉพาะตู้โชว์สินค้าอัญมณี เพราะมีความโปร่งแสงและมีความคงทนสูง และใช้เป็นประตูบานเปลือย ในการทำฉากกระจกกั้นห้องน้ำ ผนังกั้นห้องภายในอาคารได้

​

กระจกสีตัดแสง (Tinted Glass หรือ Heat-Absorbing Glass)

กระจกสีตัดแสง คือกระจกที่มีส่วนประกอบเดียวกับกระจกใส แต่หากเพิ่มออกไซด์ของโลหะชนิดต่าง ๆ เข้าไปในขั้นตอนการหลอมกระจก โดยสามารถปรับส่วนผสมและปริมาณของโลหะได้ตามเฉดสีที่ต้องการ ยิ่งกระจกมีสีเข้มก็จะมีค่าการดูดกลืนพลังงานความร้อนมากยิ่งขึ้น โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของกระจกสีตัดแสงคือ สามารถดูดกลืนความร้านจากแสงแดดได้ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่ากันความร้อน โดยกระจกสีตัดแสงที่นิยมใช้กันคือสีเขียว เพราะทำให้ดูสบายตา และลดความร้อนภายในบ้านหรืออาคารได้เป็นอย่างดี

​

กระจกใส (Clear Glass)

กระจกใส คือกระจกที่มีลักษณะโปร่งใส สามารถมองทะลุผ่านทั้ง 2 ด้านได้อย่างชัดเจน มีคุณสมบัติดังนี้

• สามารถมองเห็นได้จากภายในและภายนอกอาคารได้อย่างชัดเจน

• มีค่าตัดแสงประมาณ 8% ยิ่งมีความหนามาก ค่าตัดแสงก็จะยิ่งมาก

• มีค่าสะท้อนแสงประมาณ 7%

• ผิวกระจกใสจะไม่ร้อน เพราะมีค่าการดูดกลืนพลังงานความร้อนน้อยมาก

จากคุณสมบัติของกระจกใสที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้กระจกใส เป็นที่นิยมในการติดตั้งสำหรับอาคารหรือบ้านที่ต้องการความสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้คู่กับประตูหน้าต่างอลูมิเนียมหรือประตูหน้าต่าง UPVC เพื่อเป็นบานเลื่อนเปิดเข้าออกจากตัวบ้าน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการติดตั้งเป็นกระจกกั้นทั้งภายในบ้านและส่วนต่อเติมเป็นห้องกระจกข้างบ้านอีกด้วย

​

กระจกลามิเนต (Laminated Glass)

กระจกลามิเนต คือกระจกนิรภัยชนิดหนึ่ง ที่ผลิตขึ้นโดยการนำกระจก Float หรือกระจกเทมเปอร์ 2 แผ่นมาอัดยึดเข้าด้วยกันด้วยฟิลม์ PVB (Polyvinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหนียวและแข็งแรง ที่จะยึดกระจกทั้ง 2 แผ่นเข้าด้วยกัน เมื่อแตกจะเกิดเป็นลายเหมือนใยแมงมุม ที่สำคัญคือจะไม่มีเศษกระจกหลุดออกมา ทำให้มีความปลอดภัยกับผู้ใช้สูง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันเสียง ลดแสงจ้า และสามารถป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลตได้อีกด้วย

​

กระจกสองชั้น (Insulated Glass)

กระจกสองชั้น คือกระจกที่นำกระจก 2 แผ่น มาประกบกันในกรอบกระขก ซึ่งจะมีช่องอากาศอยู่ระหว่างกระจก โดยช่องนั้นจะบรรจุก๊าซอากอร์นไว้ กระจกสองชั้นมีคุณสมบัติคือช่วยกันอุณหภูมิภายนอกเข้าสู่ตัวอาคารได้ดี จึงเป็นที่นิยมในประเทศที่มีอุณหภูมิติดลบ เนื่องจากป้องกันความหนาวเย็นได้ดี และที่สำคัญคือกระจกสองชึ้นสามารถกันเสียงรบกวนจากภายนอกและภายในอาคารได้ และด้วยกระจกสองชั้นมีลักษณะโปร่งใส จึงทำให้อาคารสว่างได้อีกด้วย

​

 กระจกเงา (Mirror Glass)

กระจกเงา คือกระจก Float หรือกระจกใสที่ฉาบโลหะเงินและฉายด้วยทองแดงอีกชั้นนึงและเคลือบด้วยสี ในด้านใดด้านหนึ่งของกระจก และผ่านการอบแห้งด้วยความร้อนสูง ทำให้ยึดติดกันในแต่ละชั้นได้ดี โดยกระจกเงามีคุณสมบัติในการสะท้อนได้ดี จนสามารถเห็นภาพสะท้อนจากกระจกเงาได้ กระจกเงานิยมใช้ในการจกแต่งภายในอาคาร เนื่องจากทำให้พื้นที่อาคารดูกว้างขวางขึ้น

​

ฟิล์มติดกระจก หรือ ฟิล์มกรองแสง (Window Tint Film)

ฟิลม์ติดกระจก หรือ ฟิลม์กรองแสง คือฟิลม์ที่ทำมาจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ที่มีความบาง เหนียว และเรียบสนิท เมื่อติดตั้งบนกระจกแล้วจะเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกันกับกระจก  โดยจะยึดฟิลม์กับกระจกด้วยกาวที่มีความใส โดยฟิลม์กรองแสงที่สามารถลดความร้อนได้นั้น คือฟิล์มที่เคลือบโลหะลงไปด้วย โดยจะมีคุณสมบัติในการกรองและสะท้อนความร้อน ซึ่งมีผลให้ความร้อนผ่านกระจกได้น้อยลง สีของฟิล์มแต่ละชนิดจะขึ้นอยู่กับโลหะที่นำมาเคลือบ โดยประเภทของฟิล์มกันแสงมีดังต่อไปนี้

1. ฟิล์มย้อมสี (Dyed Film) เป็นฟิล์มที่นำสีมาย้อมกาวโพลีเอสเตอร์ มีคุณสมบัติกรองแสงได้ แต่สามารถลดความร้อนได้น้อย อายุการใช้งานไม่เกิน 3 ปีเมื่อเสื่อมสภาพสีจะจางลง อาจมีการโป่งพองของฟิล์ม

2. ฟิล์มเคลือบละอองโลหะ (Metallized Film) เป็นฟิล์มที่นำอนุภาคของโลหะมาเคลือบบนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้สามารถสะท้อนพลังงานความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสีมาก และสามารถลดความร้อนได้มาก และมีอายุการใช้งานประมาณ 5 – 7 ปี และวัสดุที่ใช้มีคุณภาพดีกว่าฟิล์มย้อมสี

3. ฟิล์มเคลือยอนุภาคโลหะ (Metal Sputtering Film) เป็นฟิล์มที่ใข้การเหนี่ยวนำของประจุไฟฟ้าในสูญญากาศให้อนุภาคของโลหะติดเข้ากับแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความคงทนสูงมาก ลดความร้อนได้ประมาณ 50 – 70% โดยฟิล์มประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้ติดตั้งกระจกอาคารมากที่สุด

​

การเจียรมุมกระจกที่สวยงาม

การเจียรขอบกระจกนั้นมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานแล้ว ยังช่วยลดการแตกร้าวของกระจกจากกระบวนการผลิต จนไปถึงกระเจียรกระจกเพื่อนความสวยงามอีกด้วย การเจียรกระจกมีหลายแบบ ได้แก่

• การเจียรริมขัดมัน การเจียรริมเหลี่ยม เป็นการเจียรสันกระจกให้เป็นเหลี่ยม และขัดมันเพื่อให้สวยงาม โดยนิยมทำกับกระจกที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น ประตู หน้าต่าง ฉากกั้นต่างๆ ประตูกระจกบานเปลือย เป็นต้น

• การเจียรริมหยาบ เป็นการเจียรสันกระจกให้เป็นเหลี่ยม แต่ไม่มีการขัดมัน ทำให้บริเวณสันกระจกจึงมีสีขุ่น จึงไม่เหมาะกับงานโชว์ต่างๆ

• การเจียรลบคม เป็นการนำกระดาษทรายหรือเครื่องเจียรมาลับคมบริเวณมุมกระจก เพื่อป้องกันอันตราย จึงเหมาะกับงานเข้ากรอบหรือกระจกเงา

• การเจียรปลี หรือที่เรียกกันว่า “การเจียรนัย” คือการจำกระจกมาเจียรจนมีผิวเรียบและมันวาว

​

กระจกเคลือบสี (Glass Color Cote)

กระจกเคลือบสี คือกระจกที่ทำมาเคลือบด้วยชนิดพิเศษ ที่มีความทนทานต่อความร้อน และความชื้น และรังสี UV ได้ โดยจะเคลือบลงผิวกระจกตามสีและลวดลายที่ต้องการ นิยมใช้เพื่อตกแต่งผนังภายในอาคาร

​

กระจกลาย (Graphic Glass)

กระจกลาย คือกระจกเคลือบสีทำลวดลายจากด้านหลังจองแผ่นกระจก นิยมใช้ตกแต่งผนังภายในอาคารเช่นเดียวกับกระจกเคลือบสี

 

​